ผู้เขียนเชื่อว่าต้องมีคนเคยโกรธแบบพุ่งปรี๊ด ปรอทแตกมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะผู้เขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่จัดตัวเองอยู่ในจำพวกโกรธปิ๊ด ปี้ ปิ๊ด นี่ด้วยเหมือนกัน แต่ก็เป็นเพียงแค่อดีตไปแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีอารมณ์บ้าง แต่รู้ตัวเร็ว และดับได้เร็วกว่าเมื่อก่อนเย๊อะะะะะ
จะว่าไปแล้วอารมณ์โกรธนี่มาจากการที่สถานการณ์ต่างๆ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจของเราอยากให้เป็น เราเลยเกิดอารมณ์เสียในสิ่งต่างๆ ซึ่งพวกนี้ก็คือความยึดมั่น ถือมั่นที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคนนั้่นเอง บางคนยึดมั่นมากก็ปิ๊ดแรง บางคนยึดมั่นน้อยก็ปิ๊ดค่อย แตกต่างกันไป
หลังจากที่ผู้เขียนได้รู้จักการทำสมาธิ ด้วยการนั่งสมาธิ หรือจะเป็นการเดินจงกรม หรือจะเป็นการมีสติรู้ในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งบางวันก็มีสติ บางวันก็ทำอะไรไปตามแต่สัญชาตญาณ มันสามารถช่วยให้เรารู้ทันอารมณ์ของเรามากขึ้น จากที่เคยเป็นคนปิ๊ดแตกบ่อยมาก ก็ค่อยๆ น้อยลง ที่น้อยลงเพราะพอเราเจอเหตุการณ์อะไรที่มากระทบ เราก็จะรู้ละว่าตอนนี้เรากำลังอารมณ์ไม่ดีนะ แล้วเราก็จะคิดต่อเองว่าแล้วถ้าโมโหไปแล้วจะได้อะไรมั้ย แล้วถ้าเราระเบิดออกไปแล้วผลที่ตามมามันคืออะไร พูดง่ายๆ ก็คือมีสติรู้ตัวมากกว่าที่ไม่ได้ทำสมาธินั่นเอง
ผู้เขียนเองก็เห็นว่าเดี๋ยวนี้บ้านเมืองเรามีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นเยอะ ส่วนใหญ่ก็เกิดจากการปิ๊ด ปี้ ปิ๊ด แบบไม่มีสติควบคุมนี่แหละ เลยอยากเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยให้คนไทยมีสติมากขึ้น จะได้รักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้น เพราะตัวเองก็ได้เจอมาแล้วว่าถ้าเราไม่ปิ๊ด ปี้ ปิ๊ดแล้ว ตัวเราเองรวมทั้งคนรอบตัวเรา เค้าดูมีความสุขขึ้นเย๊อะเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น